ในขณะที่คุณเริ่มลงทุนกับการออกแบบสปา คุณคิดถึงอะไรบ้างครับ
เตียง โต๊ะ แสงสวยๆ ชุดยูนิฟอร์ม
แต่เขื่อไหมครับ อย่างหนึ่งที่เรามักจะลืมไป คือ "การบริหาร จัดการ"
การที่อยู่กับสปามานานๆ ทำให้ผมพบว่า จริงๆ แล้วมีทฤษฎีในการทำธุรกิจมากมายครับ ที่จะทำให้ "สปา" สำเร็จได้ แต่หลักๆ ที่คนทำ Management จะมอง จะวนเวียนอยู่ตามทฤษฎีของหลักการตลาด คือ
1. Place - สถานที่ต้องดี
2. Product - สินค้าต้องดี
3. Price - ราคาต้องสร้างกำไรได้ และลูกค้า ก็กล้าซื้อ
4. Promotion - มีช่องทางตลาดที่เสริมแรงจูงใจ ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
แน่นอน 4P สำหรับผมแล้ว ก็ยังถือเป็นทฤตฎีอมตะครับ ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับสปาได้ แต่ ... ดีแค่เพียงสำหรับ การตลาด ครับ!!!
เมื่อปี พ.ศ. 2550 ผมเคยได้รับเชิญจาก SIPA ภูเก็ต (สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ) เป็นวิทยากร บรรยาย ในเรื่อง "เพิ่มรายได้ในธุรกิจสปาด้วยไอที"
สิ่งที่ผมเจอได้จากการบรรยายครั้งนั้นคือ คนทำสปา สนใจเรื่องการทำยอดขาย มากกว่าการบริหาร และการจัดการต้นทุน ซึ่งอันตรายตรงที่ หากช่องระหว่าง กำไร และต้นทุน อยู่ติดกัน ต่อให้มียอดขายมากแค่ไหน "ก็ไปไม่รอด"
สิ่งที่คนทำสปา มักจะลืมคิด คือ สปา เป็นธุรกิจที่ขายความพึงพอใจ ไม่ได้วางขาย นั่งทำคนเดียวได้ หรือจัดใส่ห่อเป็นกล่องๆ ครับ มียอดขายสูง มีรายจ่ายสูงด้วย ก็ไม่เป็นกำไร
มีสถานที่สวย แต่มีคนทำงานที่ไม่เข้าถึง "หัวใจของสปา"
ต้องไม่ลืมว่า เราขาย "SERVICE" และ เรามี "คน" อยู่ในระบบมากพอที่สร้าง "ปัญหา" ให้กับงานได้
ลองคิดว่า หากคุณเป็น ศูนย์กลาง ของปัญหาทั้งหมด แล้วจับมันวางเป็นชิ้นๆ คุณจะเริ่มมองเห็นว่า การจะทำให้สปาคุณเติบโตได้ คุณจะมองอะไรบ้าง
1. พนักงาน Therapist - ปัญหาของเขาคือ ? รายได้ของเขาคือ ? ใช้งานเขามากไปไหม ? งานเขาน้อยไปหรือเปล่า ? ทำยังไงให้เขารู้สึกถึง Service Mind ?
2. รายได้ - มาจากไหนบ้าง ? คุณทำตลาดแบบไหนบ้าง ? การตลาดที่คุณทำตอบสนองคุณได้แค่ไหน ?
3. รายจ่าย - มียอดขาย แต่กำไรหายไปไหน ? Treatment ที่ใช้ไป ตรงตามความจริงหรือเปล่า ?
4. ลูกค้า - มองสปา คุณอย่างไร ? อะไรเป็นสิ่งที่ดึงเขาเข้ามา ?
เพราะการที่มองเพียงยอดที่เข้ามา จึงเป็นการที่บอกให้รู้ว่า มองต้นทาง ไม่ถึงปลายทาง ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงในการทำธุรกิจค่อนข้างสูง
ตรงนี้ "Software" จะเข้ามาเป็นคำตอบครับ
คนมักจะเข้าใจว่า ซื้อโปรแกรมมาคิดเงินอย่างเดียว จะซื้อไปทำไม ใช้เครื่องคิดเลข ก็ได้
แสดงว่า คุณใช้ "Software" ผิดประเภทครับ
การเลือกใช้ Software ที่ตรงกับงาน จะทำให้เราได้คำตอบทั้งหมด หรือแม้แต่ เกือบทั้งหมดของปัญหาครับ เพราะโปรแกรม จะช่วยตอบคำถามต่างๆ ให้คุณได้ว่า รายได้ของคุณมาจากไหน รายจ่ายของคุณ หมดไปกับอะไร อะไรเป็นช่องโหว่ของระบบ
ถ้าถามว่า จุดคุ้มทุนของการลงทุนไปกับโปรแกรมอยู่ที่ไหน
คิดง่ายๆ ว่า คุณ "หยุด" ปัญหาที่ทำให้ต้อง "เสีย" ไปได้เท่าไหร่ต่อเดือน ก็เอามาคำนวณจุดคุ้มทุนได้เลยครับ
อย่างน้อยก็ลดความสงสัยกันเสียทีว่า "ทำไม ทำเท่าไหร่ ก็ไม่โต" นะครับ ^_^
เตียง โต๊ะ แสงสวยๆ ชุดยูนิฟอร์ม
แต่เขื่อไหมครับ อย่างหนึ่งที่เรามักจะลืมไป คือ "การบริหาร จัดการ"
การที่อยู่กับสปามานานๆ ทำให้ผมพบว่า จริงๆ แล้วมีทฤษฎีในการทำธุรกิจมากมายครับ ที่จะทำให้ "สปา" สำเร็จได้ แต่หลักๆ ที่คนทำ Management จะมอง จะวนเวียนอยู่ตามทฤษฎีของหลักการตลาด คือ
1. Place - สถานที่ต้องดี
2. Product - สินค้าต้องดี
3. Price - ราคาต้องสร้างกำไรได้ และลูกค้า ก็กล้าซื้อ
4. Promotion - มีช่องทางตลาดที่เสริมแรงจูงใจ ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
แน่นอน 4P สำหรับผมแล้ว ก็ยังถือเป็นทฤตฎีอมตะครับ ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับสปาได้ แต่ ... ดีแค่เพียงสำหรับ การตลาด ครับ!!!
เมื่อปี พ.ศ. 2550 ผมเคยได้รับเชิญจาก SIPA ภูเก็ต (สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ) เป็นวิทยากร บรรยาย ในเรื่อง "เพิ่มรายได้ในธุรกิจสปาด้วยไอที"
สิ่งที่ผมเจอได้จากการบรรยายครั้งนั้นคือ คนทำสปา สนใจเรื่องการทำยอดขาย มากกว่าการบริหาร และการจัดการต้นทุน ซึ่งอันตรายตรงที่ หากช่องระหว่าง กำไร และต้นทุน อยู่ติดกัน ต่อให้มียอดขายมากแค่ไหน "ก็ไปไม่รอด"
สิ่งที่คนทำสปา มักจะลืมคิด คือ สปา เป็นธุรกิจที่ขายความพึงพอใจ ไม่ได้วางขาย นั่งทำคนเดียวได้ หรือจัดใส่ห่อเป็นกล่องๆ ครับ มียอดขายสูง มีรายจ่ายสูงด้วย ก็ไม่เป็นกำไร
มีสถานที่สวย แต่มีคนทำงานที่ไม่เข้าถึง "หัวใจของสปา"
ต้องไม่ลืมว่า เราขาย "SERVICE" และ เรามี "คน" อยู่ในระบบมากพอที่สร้าง "ปัญหา" ให้กับงานได้
ลองคิดว่า หากคุณเป็น ศูนย์กลาง ของปัญหาทั้งหมด แล้วจับมันวางเป็นชิ้นๆ คุณจะเริ่มมองเห็นว่า การจะทำให้สปาคุณเติบโตได้ คุณจะมองอะไรบ้าง
1. พนักงาน Therapist - ปัญหาของเขาคือ ? รายได้ของเขาคือ ? ใช้งานเขามากไปไหม ? งานเขาน้อยไปหรือเปล่า ? ทำยังไงให้เขารู้สึกถึง Service Mind ?
2. รายได้ - มาจากไหนบ้าง ? คุณทำตลาดแบบไหนบ้าง ? การตลาดที่คุณทำตอบสนองคุณได้แค่ไหน ?
3. รายจ่าย - มียอดขาย แต่กำไรหายไปไหน ? Treatment ที่ใช้ไป ตรงตามความจริงหรือเปล่า ?
4. ลูกค้า - มองสปา คุณอย่างไร ? อะไรเป็นสิ่งที่ดึงเขาเข้ามา ?
เพราะการที่มองเพียงยอดที่เข้ามา จึงเป็นการที่บอกให้รู้ว่า มองต้นทาง ไม่ถึงปลายทาง ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงในการทำธุรกิจค่อนข้างสูง
ตรงนี้ "Software" จะเข้ามาเป็นคำตอบครับ
คนมักจะเข้าใจว่า ซื้อโปรแกรมมาคิดเงินอย่างเดียว จะซื้อไปทำไม ใช้เครื่องคิดเลข ก็ได้
แสดงว่า คุณใช้ "Software" ผิดประเภทครับ
การเลือกใช้ Software ที่ตรงกับงาน จะทำให้เราได้คำตอบทั้งหมด หรือแม้แต่ เกือบทั้งหมดของปัญหาครับ เพราะโปรแกรม จะช่วยตอบคำถามต่างๆ ให้คุณได้ว่า รายได้ของคุณมาจากไหน รายจ่ายของคุณ หมดไปกับอะไร อะไรเป็นช่องโหว่ของระบบ
ถ้าถามว่า จุดคุ้มทุนของการลงทุนไปกับโปรแกรมอยู่ที่ไหน
คิดง่ายๆ ว่า คุณ "หยุด" ปัญหาที่ทำให้ต้อง "เสีย" ไปได้เท่าไหร่ต่อเดือน ก็เอามาคำนวณจุดคุ้มทุนได้เลยครับ
อย่างน้อยก็ลดความสงสัยกันเสียทีว่า "ทำไม ทำเท่าไหร่ ก็ไม่โต" นะครับ ^_^